วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

6. สิ่งที่ควรคำนึงถึงก่อนเปิดร้านทำเล็บ


ภาพบรรยากาศของร้าน Hair House RCA
          ร้านนี้น่าจะประมาณ 35 ตารางเมตร ภายในร้านจะบริการแบบครบวงจร มีทั้งทำเล็บ สปามือเท้า ทำผม (แต่ที่ถ่ายมาจะเป็นแค่ในส่วนของการทำเล็บ ซึ่งอยู่ชั้นบนของร้าน)


1. ทำเล สถานที่ตั้ง
          เราต้องมีทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม เช่น เราต้องการกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นวันรุ่น คนทำงาน ก็หาสถานที่ร้านให้อยู่ในบริเวณตลาดหรือใกล้สถานที่ทำงาน และสถานที่ร้านต้องเอื้ออำนวย เช่น การเดินทางสะดวก มีที่จอดรถ
2. ขนาดของร้าน
          ขนาดเล็ก : พื้นที่ประมาณ 2-8 ตารางเมตร ส่วนมากร้านจะให้บริการเพ้นท์เล็บหรือต่อเล็บ ซึ่งจะใช้โต๊ะทำเล็บประมาณ 2 โต๊ะ
          ขนาดกลาง : พื้นที่มีตั้งแต่ 12- 45 ตารางเมตร ให้บริการแบบครบวงจร ได้แก่ การต่อเล็บ เพ้นท์เล็บ สปามือเท้า และอื่นๆ ซึ่งจะมีโต๊ะสำหรับทำเล็บตั้งแต่ 2โต๊ะขึ้นไปและมีเก้าอี้สปา 2 ตัว ขึ้นไป
          ขนาดใหญ่ : มีพื้นที่ 45 ตารางเมตร ขึ้นไป ให้บริการเกี่ยวกับการเสริมสวยครบวงจร เช่น การต่อเล็บ เพ้นท์เล็บ สปามือเท้า และอาจจะมีบริการเสริมอื่นๆอีก เช่น ทำผม นวดตัวนวดหน้า ฯลฯ
3. จำนวนเงินลงทุน
          ทั่วไปในการตกแต่งร้าน จะใช้งบประมาณ 18,000-20,000 บาท ต่อ ตารางเมตร  สำหรับวงเงินในการตกแต่งร้านขนาดกลาง ไม่หรูหรา ค่าตกแต่งร้านขึ้นอยู่กับการเลือกใช้วัสดุ ถ้าเลือกใช้วัสดุที่มีราคาแพงจะทำให้ต้นทุนในการตกแต่งราคาสูง หากเลือกวัสดุราคาไม่แพงจะทำให้ต้นทุนถูกลง
          ค่าอุปกรณ์การทำเล็บ
                    - โต๊ะทำเล็บ 1ตัว ที่ประกอบด้วยอุปกรณ์ทำเล็บ ได้แก่ กรรไกร พู่กัน เครื่องอบ ตะไบ ฯลฯ   
                   ราคาประมาณ 15,000-30,000 บาท
                    - วัสดุที่ใช้แล้วหมดไป เช่น สีทาเล็บ ผงอะคริลิค น้ำยาทาเล็บ สำลี ฟรอยด์ ฯลฯ    
                    ราคาโดยประมาณ 8,000-15,000  บาท
                    - เก้าอี้ Spa จะประกอบด้วยอุปกรณ์ทำเล็บต่างๆ ราคามีตั้งแต่ 80,000 – 300,000 บาท
4. การตั้งราคาบริการ 
          ควรพิจารณาจาก ทำเลที่ตั้งของร้าน กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และผลิตภัณฑ์ที่นำมาให้บริการ เช่น ตลาดราคาก็จะไม่แพงมากตามสถานที่หรือกลุ่มลูกค้า แต่ถ้าเป็นในย่านชิดลม คนเยอะ ราคาก็จะสูงตามสถานที่
5. ค่าจ้างพนักงาน 
          จะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่ทำมา ทักษะและความสามารถในการทำงาน ถ้าประสบการณ์ยิ่งมากเงินเดือนก็จะเยอะตาม  

การสัมภาษณ์เจ้าของร้านย่านตลาดนัดกลางคืนห้วยขวาง
การสัมภาษณ์ช่างทำเล็บ ร้านHair House RCA

Creative Commons License
สัมภาษณ์ by By Patch is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivs 3.0 Unported License.

วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

5. การทำเล็บแบบใหม่ที่ทำได้เองที่บ้าน

1. แบบฟรอยด์


อุปกรณ์
                         - ฟรอยด์ติดเล็บลายต่างๆ                   - กาวติดเล็บ                - ตะไบ 
                         - Topcoat (น้ำยาทาเล็บแบบใส)          - กรรไกร                     - น้ำยาทาเล็บ




ขั้นตอนการทำ
- ทำความสะอาดเล็บและเช็ดให้แห้ง
- ตัดฟรอยด์ติดเล็บให้ได้ขนาดพอเหมาะกับเล็บ 
- ทางรองพื้นหรือสีทาเล็บใกล้เคียงกับฟรอยดืติดเล็บ 
- ทากาวฟรอยด์ติดเล็บให้ทั่วเล็บและรอจนเปลี่ยนเป็นสีใส 
- นำฟรอยด์ติดเล็บติดลงบนเล็บ 
- ใช้นิ้วกดและถูลงบนหน้าเล็บ ใช้คอตตอนบัดถูบริเวณขอบเล็บ 
- ลอกฟรอยด์ติดเล็บออกและทา Top coat


2. แบบสติ๊กเกอร์


อุปกรณ์
                                                - สติ๊กเกอร์ติดเล็บลายต่างๆ            - ตะไบ 
                                           - Topcoat (น้ำยาทาเล็บแบบใส)       - น้ำยาทาเล็บ



ขั้นตอนการทำ
- ทำความสะอาดเล็บและเช็ดให้แห้ง
- ลอกพลาสติกใสที่ปิดสติ๊กเกอร์ออก
- ลอกสติ๊กเกอร์โดยจับทางด้านมุมเหลี่ยม
- แปะสติ๊กเกอร์ โดยหันด้านโค้งเข้า จนสุดโคนเล็บ
- ลูบให้สติ๊กเกอร์แนบสนิทไปกับเล็บ
- ลูบปลายเล็บให้สติ๊กเกอร์ส่วนเกิน พับลง จากนั้นตะไบเล็บเบาๆไปทางเดียวกัน
- ดึงเศษสติ๊กเกอร์ออก ทาทับด้วย Top coat

3. แบบลอกลายน้ำ

อุปกรณ์
                                    - สติ๊กเกอร์แบบลอกลายน้ำลายต่างๆ            - กรรไกร
                       - Topcoat (น้ำยาทาเล็บแบบใส)                     - ถาดใส่น้ำ          - คีมหนีบ  



ขั้นตอนการทำ
- ทำความสะอาดเล็บและเช็ดให้แห้ง
- ลอกพลาสติกใสที่ปิดสติ๊กเกอร์ออก
- ตัดสติ๊กเกอร์ตามแบบเล็บของตนเอง
- นำแผ่นสติ๊กเกอร์แช่ลงในน้ำให้เปียกทั้ง 2 ด้าน (เหมือนติดแทกทู)
- คีมแผ่นขึ้นมา เลื่อนออกนิดนึง นำไปติดกับเล็บ
- ลูบให้สติ๊กเกอร์แนบสนิทไปกับเล็บ 
- ทิ้งไว้ให้แห้ง
- ทาทับด้วย Top coat


Creative Commons License
How to การติดสติ๊กเกอร์เล็บแบบต่างๆ by by Naildelights&App Shops&Memorynail is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivs 3.0 Unported License.

4. ความปลอดภัยของน้ำยาอะคริลิค


          
          ในเมื่อเราอยากทำเล็บแล้ว อีกอย่างที่ควรรู้คือ น้ำยาอะคริลิคที่ทางร้านทำเล็บ ทำให้กับเรา แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าอันไหนใช้แล้วปลอดภัยกับเล็บเรา         
          น้ำยาอะคริลิคที่ใช้โดยปลอดภัย คือ Ethyl Methacrylate (EMA) เป็นน้ำยาที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้กับเล็บโดยเฉพาะ ส่วนน้ำยาอะคริลิคที่ไม่ปลอดภัยและไม่ควรใช้ในการทำเล็บอย่างยิ่ง คือ 
Methyl Methacrylate (MMA) ซึ่งเป็นน้ำยาที่ใช้ในการทำฟันปลอม
เนื่องจากน้ำยาทั้งสองตัวเป็นของเหลวใสเหมือนกัน ไม่สามารถแยกแยะด้วยสายตาได้ว่าสารเคมีชนิดใดคือ EMA หรือ MMA จึงควรต้องใช้ความระมัดระวังในการเลือกใช้บริการร้านที่ท่านไว้วางใจ
แต่มีข้อสังเกตว่า หากใช้ MMA เป็นส่วนผสมในการเสริมต่อ ลายเล็บ เมื่อถอดเล็บต้องใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงในการแช่นิ้วในน้ำยาถอดเล็บอะคริลิกคอันตรายจากการใช้ MMA ปกติ MMA ใช้ในการทำฟันปลอม เมื่อ MMA มีสภาพเป็นของแข็งแล้วจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่หากมีสภาพเป็นของเหลว MMA สามารถซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่กระแสเลือด  ซึ่งอาจไปทำลายระบบประสาทและไต และจากข้อมูลที่พบในต่างประเทศ เคยปรากฏกรณที่เล็บเปลี่ยนเป็นสีดำหรือเล็บหลุด หลังจากการถอดเล็บอะคริลิคที่ใช้น้ำยา MMA เสริมต่อเล็บติดต่อกันเป็นเวลานาน

ขั้นตอนการต่อเล็บแบบต่างๆ ตอนที่2


3. เพ้นท์
อุปกรณ์

                                           พู่กันเพ้นท์เล็บ                               สีอะคริลิคเพ้นท์เล็บ   
ขั้นตอนการทำ

4. ปั้นนูน
อุปกรณ์
                                     น้ำยาต่อเล็บอะคริลิค                          ผงแป้งปั้นนูน
                                                                          พู่กันปั้นนูน

ขั้นตอนการทำ



Creative Commons License
How to Acrylics by By Patch is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivs 3.0 Unported License.

3. ขั้นตอนการต่อเล็บแบบต่างๆ ตอนที่1

1. การทาเล็บ
                                                                          อุปกรณ์
 สีทาเล็บ           น้ำยาเคลือบเล็บ 

ขั้นตอนการทำ


- แช่มือในอ่างน้ำ จะช่วยให้เล็บนิ่ม และมือนุ่มขึ้น
- ใช้น้ำยาลองพื้นเล็บทาเป็นชั้นแรก เพราะการรองพื้นไว้จะช่วยไม่ให้เล็บเหลือง
- ขณะที่ทาเล็บ ไม่ควรป้ายเกิน 3 ครั้ง เพราะสีจะจับก้อนไม่เรียบเสมอกัน
- อย่าลงสีเล็บเกิน 2 ชั้นเพราะว่าจะดูหนาไปไม่สวย
- ควรทาน้ำยาเคลือบเล็บหลังจากทาสีเสร็จแล้ว จะช่วยให้สีเงางามและป้องกันสีจางจากแสงแดด
- ทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะสีจะแห้งสนิทในเวลาประมาณนี้ ไม่ควรหยิบจับอะไรเพราะอาจทำให้เล็บที่ทาเป็นรอยได้

2. การต่อเล็บอะคริลิค

                                                                           อุปกรณ์
ผงต่อเล็บอะคริลิค                          พู่กันต่อเล็บอะคริลิค
                                     น้ำยาต่อเล็บอะคริลิค                PRIMER (น้ำยาเชื่อมเล็บอคิลิค)
 
                                     น้ำยาปรับสภาพเล็บ                              ฟอร์มต่อเล็บ

                                      ตะไบบล็อกละเอียด                              ตะไบเล็บหยาบ
การใช้พู่กันจุ่มน้ำยาและตักผงอะคริลิค

จุ่มน้ำยาและตักผงอะคริลิค ขนาดที่พอดี และให้เนื้อผสมรวมกันเป็นเนื้อเดียวกัน ลักษณะคล้ายหยดน้ำ

ขั้นตอนการทำ



- ตะไบหน้าเล็บให้ทั่ว โดยไม่ให้เห็นความมันบนหน้าเล็บเลย (เป็นการช่วยให้เล็บอะคริลิกไม่ร่อนออกง่ายๆ)
- ทาน้ำยา EZ BOND (น้ำยาปรับสภาพเล็บ) และ PRIMER (น้ำยาเชื่อมเล็บอะคริลิค) และ ใส่พอร์มต่อเล็บให้พอดีกับปลายเล็บจริง
- โป่ะอะคริลิคที่ปลายเล็บ และกลางเล็บ ทำเป็นทรงที่ต้องการ (อันนี้ทำเป็นทรงเหลี่ยม)

- โป่ะอะคริลิคสีชมพูให้ทั่วทั้งเล็บ ห้ามเกินขอบเล็บและไม่ต้องหนามากกำลังพอดี
- เอาตะไบหยาบ ตะไบให้เป็นทรงตามที่ต้องการต่อด้วยตะไบบล็อกละเอียด
- ปัดฝุ่นออกให้หมด ทาตามด้วยน้ำมันที่ทำให้หน้าเล็บไม่สาก
- เช็ดแอลกอฮอล์

การถอดอะคริลิค

อุปกรณ์
                                           กรรไกรตัดอะคริลิค                   น้ำยาถอดเล็บอะคริลิค 
          
                                                  ตะไบหยาบ                                            สำลี
           
                                           ฟอยด์กันความร้อน                                      ที่ขูด 
           
                                       

ขั้นตอนการถอดเล็บอะคริลิค
ตอนที่1
ตอนที่2
ตอนที่3
- ตัดเล็บอะคริลิคให้สั้น
- ถ้าเคลือบเจล ตะไบเจลออกก่อน
- ใช้สำลีชุปน้ำยาถอด โป่ะทั้งเล็บ แล้วห่อด้วยฟอยร์
 หลังจาก 30นาที ตะไบเล็บอะคริลิคที่ยุ้ยออก
- ตัดแต่งเล็บจริงให้เข้ารูป
- เคลือบ และบำรุงเล็บด้วยน้ำยาต่างๆ



Creative Commons License

How to Acrylics by By Patch is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivs 3.0 Unported License.

2. การดูแลเล็บมือและเล็บเท้า



คนเราใช้มือ เท้าและเล็บกันทุกวัน ทั้งถูกวิธีบ้าง ผิดวิธีบ้าง เราลองหันมาดูแลรักษามือ เท้่และเล็บของเรากันมั่ง มีเคล็ดลับง่ายๆ ดังนี้    


1. เริ่มจากแช่มือและเท้าในน้ำอุ่น เพื่อให้ผ่อนคลาย เล็บไม่แข็ง เวลาตัดจะง่ายขึ้น

2. ทำความสะอาดมือและเท้า โดยใช้แปรงกับสบู่ ถูเบาๆ บริเวณมือ เท้า ซอกเล็บ เพราะบริเวณนี้มีเชื้อโรคสะสมอยู่มาก ถูเสร็จแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง

3. ตัดเล็บมืออาทิตย์ละครั้ง ส่วนเล็บเท้า2-3สัปดาห์ต่อครั้ง ไม่ตัดเล็บชิดผิวหนังมากไปเพราะอาจจะเป็นแผลได้ เล็บเท้าควรตัดทรงเหลี่ยม ไม่ตัดเข้าซอกมุมเล็บ เพราะอาจจะเป็นเล็บขบได้

4. นวดนิ้วมือและเท้าด้วยครีมบำรุงผิว ประมาณ 3-5นาที ควรทำเป็นประจำ เพื่อมือและเท้าที่เนียนนุ่ม และเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณมือและเท้าด้วย

5. ควรให้เล็บได้หายใจบ้าง เพราะการที่ทาสีเป็นประจำทุกวันเล็บอาจจะเหลือง แห้งได้ ถ้าอยากจะทาจริงๆแบบขาดไม่ได้เลย ควรทาน้ำยารองพื้นเล็บก่อนทาสี ป้องกันไม่ให้เล็บเหลืองและทาน้ำยาเคลือบเงาเล็บเพื่อความวาวและติดทนนาน ควรทาสีเข้ม สีอ่อนสลับกันไป

6. กรณีเล็บเหลือง นำมือแช่ในน้ำอุ่น 10 นาที แล้วเอามะนาวฝานบางๆมาทาเล็บดู ทาทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออก ทำแบบนี้ติดต่อกัน 2 อาทิตย์ เล็บจะกลับมาสวยแบบธรรมชาติเหมือนเดิม

7. เล็บก็ต้องการสารอาหารเหมือนร่างกายเราเช่นกัน เช่น โปรตีน วิตามินเอ ซี และอี รวมถึงแร่ธาตุสังกะสีที่มีอยู่ในอาหารทะเลและเมล็ดธัญพืช

8. ไม่ควรใช้เล็บผิดวิธี การทำอะไรที่รุ่นแรงอาจทำให้เล็บฉีกขาดได้ เช่น งัดแงะของแข็ง เพราะเล็บทำหน้าที่ปกป้องปลายประสาทที่อยู่ปลายสุดของร่างกาย ช่วยในการหยิบจับสิ่งของ และการแกะเกา 

9. สังเกตุฉลากของผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ เช่น วันหมดอายุ หรือการแยกตัวของสี อายุของน้ำยาทาเล็บอยู่ที่ประมาณ 3 ปี หากหมดอายุแล้วไม่ควรใช้เด็ดขาด

10. ในส่วนของเท้าก็ต้องการการดูแลเช่นกัน การเลือกรองเท้าให้เหมาะกับรูปร่างเท้าของเราในการเลือกซื้อรองเท้า เวลาที่เหมาะสมการซื้อรองเท้าคือในเวลากลางวัน เพราะเวลานี้เท้าจะขยายตัวจากการเดิน ควรเลือกรองเท้าที่สวมใส่พอดี ไม่คับ หรือหลวมจนเกินไป เพราะ ถ้าใส่รองเท้าคับจนเกินไป เวลาเดินนานๆจะเกิดการเสียดสี ทำให้ผิวเท้าเกิดหนังที่แข็งกระด้าง และอาจเกิดเล็บขบได้และหลังจากที่ใส่รองเท้าส้นสูงมาตลอดทั้งวัน กลับมาบ้านลองแช่เท้าในน้ำอุ่นสัก 10-15 นาที จะช่วยผ่อนคลายอาการเมื่อล้าที่เท้าได้