คนเราใช้มือ เท้าและเล็บกันทุกวัน
ทั้งถูกวิธีบ้าง ผิดวิธีบ้าง เราลองหันมาดูแลรักษามือ เท้่และเล็บของเรากันมั่ง
มีเคล็ดลับง่ายๆ ดังนี้
1. เริ่มจากแช่มือและเท้าในน้ำอุ่น
เพื่อให้ผ่อนคลาย เล็บไม่แข็ง เวลาตัดจะง่ายขึ้น
2. ทำความสะอาดมือและเท้า โดยใช้แปรงกับสบู่ ถูเบาๆ
บริเวณมือ เท้า ซอกเล็บ เพราะบริเวณนี้มีเชื้อโรคสะสมอยู่มาก ถูเสร็จแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
แล้วใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง
3. ตัดเล็บมืออาทิตย์ละครั้ง
ส่วนเล็บเท้า2-3สัปดาห์ต่อครั้ง ไม่ตัดเล็บชิดผิวหนังมากไปเพราะอาจจะเป็นแผลได้
เล็บเท้าควรตัดทรงเหลี่ยม ไม่ตัดเข้าซอกมุมเล็บ เพราะอาจจะเป็นเล็บขบได้
4. นวดนิ้วมือและเท้าด้วยครีมบำรุงผิว
ประมาณ 3-5นาที ควรทำเป็นประจำ
เพื่อมือและเท้าที่เนียนนุ่ม
และเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณมือและเท้าด้วย
5. ควรให้เล็บได้หายใจบ้าง
เพราะการที่ทาสีเป็นประจำทุกวันเล็บอาจจะเหลือง
แห้งได้ ถ้าอยากจะทาจริงๆแบบขาดไม่ได้เลย ควรทาน้ำยารองพื้นเล็บก่อนทาสี
ป้องกันไม่ให้เล็บเหลืองและทาน้ำยาเคลือบเงาเล็บเพื่อความวาวและติดทนนาน
ควรทาสีเข้ม สีอ่อนสลับกันไป
6. กรณีเล็บเหลือง นำมือแช่ในน้ำอุ่น 10
นาที แล้วเอามะนาวฝานบางๆมาทาเล็บดู ทาทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออก
ทำแบบนี้ติดต่อกัน 2 อาทิตย์ เล็บจะกลับมาสวยแบบธรรมชาติเหมือนเดิม
7. เล็บก็ต้องการสารอาหารเหมือนร่างกายเราเช่นกัน
เช่น โปรตีน วิตามินเอ ซี
และอี รวมถึงแร่ธาตุสังกะสีที่มีอยู่ในอาหารทะเลและเมล็ดธัญพืช
8. ไม่ควรใช้เล็บผิดวิธี การทำอะไรที่รุ่นแรงอาจทำให้เล็บฉีกขาดได้
เช่น งัดแงะของแข็ง
เพราะเล็บทำหน้าที่ปกป้องปลายประสาทที่อยู่ปลายสุดของร่างกาย
ช่วยในการหยิบจับสิ่งของ และการแกะเกา
9. สังเกตุฉลากของผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้
เช่น วันหมดอายุ หรือการแยกตัวของสี
อายุของน้ำยาทาเล็บอยู่ที่ประมาณ 3 ปี หากหมดอายุแล้วไม่ควรใช้เด็ดขาด
10.
ในส่วนของเท้าก็ต้องการการดูแลเช่นกัน
การเลือกรองเท้าให้เหมาะกับรูปร่างเท้าของเราในการเลือกซื้อรองเท้า
เวลาที่เหมาะสมการซื้อรองเท้าคือในเวลากลางวัน
เพราะเวลานี้เท้าจะขยายตัวจากการเดิน ควรเลือกรองเท้าที่สวมใส่พอดี ไม่คับ
หรือหลวมจนเกินไป เพราะ ถ้าใส่รองเท้าคับจนเกินไป เวลาเดินนานๆจะเกิดการเสียดสี
ทำให้ผิวเท้าเกิดหนังที่แข็งกระด้าง
และอาจเกิดเล็บขบได้และหลังจากที่ใส่รองเท้าส้นสูงมาตลอดทั้งวัน
กลับมาบ้านลองแช่เท้าในน้ำอุ่นสัก 10-15 นาที
จะช่วยผ่อนคลายอาการเมื่อล้าที่เท้าได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น